ปัจจุบันกล้องถ่ายรูปนับว่าเป็นสินค้าที่มีประโยชน์กับชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก จึงมีการผลิตกันออกมาอย่างมากมาย ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์ที่มีความสวยงาม พกพาสะดวก แต่ภายในก็ยังมีฟังก์ชั่นและลูกเล่นต่าง ๆ มาดึงดูดใจ ปัจจุบันสินค้าทางด้านเทคโนโลยีได้มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาอย่างรวดเร็วจนผมเองก็ยังตามไม่ทัน ไม่เว้นแม้แต่กล้องถ่ายรูปเองก็ตาม การแข่งขันของบริษัทต่าง ๆ ก็มีมากขึ้น ต่างพากันออกมาโชว์ความโดนเด่นและเอกลักษณ์ของตนเองให้เรา ๆ เลือกซื้อกันอย่างจุใจและลายตาจนปวดหัวกันเป็นแถว ๆ ไม่รู้จะซื้อรุ่นไหน ยี่ห้ออะไรกันดี แต่วันนี้ผมจะมาช่วยให้คุณ ๆ ได้เลือกซื้อกล้องถ่ายรูปกันให้ง่ายขึ้นกว่าเดิมครับ
1. เงินในประเป๋า
ก่อนอื่นเลยคุณควรกำหนดงบประมาณในการซื้อเสียก่อนว่าคุณมีงบไม่เกินเท่าไร เช่น เป็นนักเรียนนักศึกษา มีงบไม่เกิน 10,000 บาท , บุคคลทำงานทั่วไปมีงบไม่เกิน 30,000 บาท , ช่างภาพมีงบไม่เกิน 200,000 บาท เป็นต้น
2. วัตถุประสงค์ในการใช้
หลังจากที่คุณได้กำหนดงบประมาณให้ตัวเองได้แล้ว ก็มาดูกันว่าคุณมีวัตถุประสงค์อะไรในการซื้อกล้องในครั้งนี้ เพราะผมเชื่อว่าการที่เราจะซื้อกล้องสักตัวจนทำให้เรากล้าที่จะซื้อมันเราก็ต้องมีเหตุผลแล้วว่าจะนำไปใช้ในด้านใด จริงไหมครับ ผมจะยกตัวอย่างเช่น
- นักเรียนนักศึกษา ต้องการซื้อกล้องไปเพื่อ ทำรายงาน ศึกษาดูงาน รวมไปถึงถ่ายรูปเพื่อน ถ่ายรูปตัวเองหรือถ่ายเล่น ๆ แนะนำให้ซื้อกล้อง Compact ครับ เพราะมีทั้งราคาถูกและราคาปานกลางที่ไม่แพงมาก เริ่มต้นราคาอยู่ที่ประมาณ 3,990 – 20,000 บาท แถมรูปลักษณ์และสีสันก็มีให้เลือกมากมาย ถูกใจวัยรุ่น พร้อมฟังก์ชั่นที่จำเป็นและใช้งานง่ายอีกด้วย
- บุคคลทั่วไป ที่ชอบเดินทาง ท่องเที่ยว ชอบถ่ายรูปเป็นงานอดิเรก ผมแนะนำให้ซื้อกล้อง SLR-Like ครับ เพราะเป็นกล้องที่มีความสามารถในการถ่ายภาพที่ค่อนข้างสูง รองรับอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ในการถ่ายภาพได้ เพื่อภาพที่สวยสมใจ ส่วนด้านราคาก็มีตั้งแต่ปานกลาง – สูง เริ่มต้นที่ประมาณ 10,000 – 50,000 บาท ครับ
- ช่างภาพมืออาชีพ ถ้าคุณต้องการเป็นช่างภาพมืออาชีพ คุณก็ต้องเลือกใช้เลือกกล้อง DSLR เพราะมีความสามารถในการถ่ายภาพสูง สามารถเปลี่ยนอุปกรณ์เสริมได้อย่างครบถ้วน ส่วนด้านราคาก็สูงไปตามความสามารถครับ
- ต้องการถ่ายภาพในน้ำ ใต้ทะเล คุณก็ต้องเลือกกล้องที่สามารถกันน้ำได้ 100 % ปัจจุบันมีไม่เลือกไม่กี่ยี่ห้อ สามารถกันน้ำได้ตั้งแต่ 3 – 10 เมตร
3. ฟังก์ชั่นภายใน
คือความสามารถต่าง ๆ ภายในกล้อง โดยมาตรฐานควรเลือกให้มีฟังก์ชั่น ดังนี้
- หน่วย Pixel
ทุกวันนี้กล้องถ่ายภาพได้มี หน่วย Pixel เพิ่มขึ้นที่รวดเร็วมาก ปัจจุบันสามารถหาซื้อได้ตั้งแต่ 10 – 18 ล้านพิกเซล เป็นต้นไป เริ่มที่ 10 ล้านพิกเซล ที่ราคา 3,990 บาท และยิ่ง Pixel สูงขึ้นราคาก็เพิ่มขึ้นได้ ดังนี้ควรดูที่งบประมาณและวัตถุประสงค์ในการใช้เป็นหลัก เพราะถ้าคุณซื้อกล้องไปเพื่อถ่ายรูปเล่น ๆ 5 ล้านพิกเซลก็เหลือเฟือ
- ระยะ Zoom
เป็นสิ่งที่สำคัญในการถ่ายภาพอย่างหนึ่ง โดยลักษณะของการ ZOOM ที่ควรพิจารณามี ดังนี้
- มาโคร ( Macro ) เป็นรูปแบบของการถ่ายภาพระยะใกล้ อย่างน้อยควรซูมให้ได้ในระยะ 5 CM แต่ถ้าจะให้ดีแนะนำให้ซูมได้ 1 CM ครับ
- Optical Zoom ใช้ซูมภาพในระยะไกล ถ้ามี Optical Zoom สูงภาพที่ถ่ายออกมาจะไม่แตก ผมแนะนำให้เลือกซื้อกล้องที่มี Optical Zoom 10X ขึ้นไปครับ
- รูรับแสง
คือช่องรับแสงบริเวณหน้าเลนส์ สามารถปรับให้กว้างหรือแคบได้ โดยในกล้องดิจิตอลจะมีค่าของรูรับแสงไม่กี่ระดับ ได้เหมือนกับกล้อง DSLR ที่มีค่าอยู่หลายระดับ ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมามีความหลากหลายมากกว่า แต่สำหรับกล้อง Compact ทั่วไปผมแนะนำให้เลือกค่ารูปรับแสงเริ่มต้นที่ F2.8 ไม่เกิน F3.0 – F8.0 จะดีมากครับ
- White balance หรือการปรับแสงขาว
คือ รูปแบบของแสงในสภาพต่าง ๆ เช่น Auto, Daylight, Cloudy, Fluorescent เป็นต้น โดยในการเลือกนั้น ผมแนะนำให้เลือกกล้องที่มี Mode White balance อย่างน้อย 7 Mode เพื่อความหลากหลายในการถ่ายภาพครับ
ตัวอย่างแสง Mode White balance
- ความเร็วชัตเตอร์
ความเร็วชัตเตอร์ คือ ความเร็วในการเปิด-ปิดรูรับแสงตามช่วงเวลาที่กำหนด การที่ความเร็วชัตเตอร์ช้ามาก ๆ จะทำให้การถ่ายกลางคืนได้รับแสงที่สวยงาม และความเร็วชัตเตอร์ที่เร็วมาก ๆ ก็จะทำให้ได้ภาพเป็นชอต ๆ ได้ภาพเคลื่อนไหวที่ชัดเจน ดังนี้การเลือกซื้อกล้อง ผมแนะนำให้ซื้อกล้องที่มีค่าความเร็วชัตเตอร์ ขั้นต่ำ อยู่ที่ 15 sec – 1/2000 sec ครับ แต่ถ้าได้ค่าความเร็วชัตเตอร์ที่มากเท่าไรก็ยิ่งดีครับ
ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ 15 sec ความเร็วชัตเตอร์สูง 1/2000 sec
- ความสามารถของแบตเตอรี่
การเลือกรูปแบบแบตเตอรี่ที่ใช้งานในกล้องถ่ายภาพดิจิตอลนั้น มีอยู่ 3 แบบ คือ แบบลิเทียมไอออน, แบบ AA และแบบ AAA โดยแต่ละแบบก็จะมีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกันออกไป อันนี้แล้วแต่ความชอบนะครับ ผมจะอธิบายง่าย ๆ คือ แบบลิเทียมไอออน (Lithium-Ion) จะเป็นแบตเตอรี่แบน ๆ หรือเป็นแท่นยาว ๆ มีน้ำหนักเบา ปัจจุบันเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก ส่วนแบตเตอรี่แบบ AA และ AAA เป็นแบตเตอรี่ในรูปแบบถ่านก้อน ซึ่งมีทั้งแบบ ชาร์ตไฟและแบบใช้แล้วทิ้ง มีราคาถูกกว่าแบบลิเทียมไอออน (Lithium-Ion) หาซื้อได้ง่ายในร้านสะดวกซื้อ สามารถซื้อตุ่นไว้เป็นแบตเตอรี่ฉุกเฉินได้ในยามที่แบตเตอรี่หมด ก็สามารถเปลี่ยนได้ทันที ข้อเสียก็คือ จะทำให้กล้องมีน้ำหนักมากนั้นเองครับ
แบบ ลิเทียมไอออน (Lithium-Ion) แบบ AA / AAA
- วิดีโอ (VDO)
VDO เป็นรูปแบบหนึ่งที่มักจะมีในกล้องดิจิตอลเสมอ แม้จะใช้ได้ไม่ดีเท่ากล้องวีดิโอก็ตาม ผมขอแนะนำให้เลือกกล้องดิจิตอลที่มีความละเอียดของ VDO ตั้งแต่ 640x480 พิกเซล เป็นอย่างต่ำและมันควรจะมีเสียงที่ชัดเจนได้นะครับ
- จอ LCD
คือ หน้าจอแสดงผลในการถ่ายภาพ ปัจจุบัน จอ LCD ได้มีการผลิตออกมาให้เน้นความใหญ่ของจอเป็นหลัก โดยจะมีการเพิ่มลูกเล่นอื่น ๆ แทน เช่น หน้าจอ ทัชสกรีน ( Touch screen ) ที่มีจอแสดงผลใหญ่เต็มพื้นที่ มองเห็นชัดเจน แต่ข้อเสียความหน้าจอสกปรกและเป็นรอยง่าย , หน้าจอแสดงผลด้านหน้า เป็นลูกเล่นสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปตัวเอง ซึ่งจะทำให้คุณไม่หลุดกรอบอีกต่อไป ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้ ผมไม่ขอแนะนำอย่างใดอย่างหนึ่งครับ แล้วแต่คนชอบครับ
แบบ ทัชสกรีน ( Touch screen ) แบบ จอแสดงผลด้านหน้า
4. ขนาด น้ำหนัก
ควรเลือกซื้อกล้องที่เหมาะสมกับมือของเราจับ และกะทัดรัดพอดีมือ ไม่ควรเลือกซื้อกล้องที่มีขนาดเล็กหรือใหญ่กว่ามือมาก ๆ และมีน้ำหนักที่ไม่หนักมากนัก เพราะมันอาจมีผลกระทบต่อความสะดวกในการใช้งานได้
5. รูปลักษณ์ภายนอก
คือ ดีไซน์ (Design) และวัสดุในการผลิต นั้นเอง กล้องที่เราจะเลือกซื้อนั้นนอกจากฟังก์ชั่นที่ครบถ้วนแล้ว ดีไซน์ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สามารถตอบสนองความเป็นตัวตนของคุณได้ ไม่ว่าที่เป็นสีสัน รูปแบบ ขนาด หรือแม้แต่ปุ่มต่าง ๆ ก็ตาม วัสดุในการผลิตก็ต้องมีความทนทาน แข็งแรง จะได้ใช้งานได้นาน ๆ นะครับ
6. ของแถมส่วนลด
ข้อนี้เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ชอบของฟรีของแถมและมีตัวเลือกในการซื้อกล้องมากกว่า 3 อัน เรียกง่าย ๆ ว่า อันนี้ก็ดี อันนั้นก็โดน อันนู้นก็เจ๋ง เลือกไม่ถูกเลย ข้อนี้ควรทำให้คุณเลือกได้ครับ เช่น รุ่นนี้แถม mem 1 GB กับซองใส่กล้อง อีกรุ่นนึงแถม mem 512 MB กับส่วนลด 10 % อะไรแบบนี้ คุณก็เลือกเอานะครับว่าจะเลือกยี่ห้อไหน